เชื่อว่าหลายๆท่านคงจะเคยได้ยิน CloudFlare ในที่นี้ผมจะเรียกสั้นๆว่า CF นะครับ โดยตัวมันเอง สามารถที่จะใช้งานได้ฟรี แถมยังมี SSL ให้ฟรี และปัจจุบันก็รองรับ HTTP 2 โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรที่เซิฟเวอร์จริงๆเลย หรือแม้ว่าเซิฟเวอร์จริงๆของเราจะรองรับแค่ HTTP 1.0/1.1 หากเราไปใช้บริการ CF เราก็จะได้ใช้ HTTP 2 กันเลยฟรีๆ
แต่บทความนี้จะเจาะลึกลงไปยังการ Caching ข้อมูลในเว็บของเราระดับโหด ซึ่งหากเราใช้ CF โดยไม่ได้ปรับแต่งอะไรมาก จากที่ตรวจสอบพบว่ายังมี Traffic เข้ามาเรียกข้อมูลในหน้าเว็บไซต์ตลอดเวลา เพื่อให้เกิดความ Real-Time แต่ในบางครั้ง หน้าเว็บไซต์ของเราไม่ได้มีเนื้อหาอัพเดตอยู่อย่างสม่ำเสมอ หรือเนื้อหาอัพเดตตลอดเวลา อาจจะเป็นเว็บไซต์แนวๆอ่านข้อมูลซะมากกว่า เป็นต้น การ Caching ในบทความนี้จึงเหมาะกับเว็บประเภทนี้มากกว่านะครับ สำหรับเว็บบอร์ด หรือเว็บไซต์ที่ต้องอัพเดตเนื้อหาแบบ Real-Time อาจจะไม่เหมาะกับวิธีการที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ครับ
ก่อนอื่นเรามาดูจากกราฟ MRTG ที่ผมได้ทดสอบระหว่าง Caching กับไม่ได้ Caching แต่ยังใช้ CloudFlare (CF) มาดักไว้ข้างหน้าอยู่นะครับ ไม่ได้เข้ามาตรงๆที่เซิฟเวอร์ ผลปรากฏดังกราฟด้านล่างนี้ครับ
อธิบายกราฟ MRTG: ช่วงที่กราฟสูงๆ นั่นคือการที่เราไม่ได้ทำ Caching แต่ยังใช้บริการ CloudFlare อยู่ครับ ส่วนช่วงที่กราฟต่ำๆ คือการตั้งค่า Caching ไว้ที่ CloudFlare แล้วครับ
ส่วนด้านล่างนี้จะเป็นกราฟฝั่งของทาง CloudFlare ตอนที่เราทดสอบการแคช และไม่แคช ในเวลาเดียวกันนะครับ
สำหรับรูปด้านล่าง จะเป็น Bandwidth ที่อยู่กับทาง CloudFlare และไม่ได้หลุดเข้ามาที่เซิฟเวอร์ตรงๆ (ข้อมูลจะเป็น 24 ชั่วโมงล่าสุดนะครับ)
วิธีการตั้งค่า Caching:
การตั้งค่า Caching นั้น คงต้องอธิบายว่าแต่ละเว็บไซต์คงไม่เหมือนกัน เพราะว่าเราจะต้องมีบางหน้า ที่ต้องการข้อมูลที่ Real-Time เช่น หน้าเข้าสู่ระบบ (Login) ในที่นี้ผมจะยกตัวอย่าง WordPress CMS ที่จะเห็นภาพได้ชัด และเชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะเคยใช้กันอยู่แล้วนะครับ ข้อมูลที่ไม่ได้ต้องการ Real-Time ก็คือข้อมูลหน้าเว็บไซต์ พวก Post, Page, Category, Tags และข้อมูลที่ต้องการความ Real-Time ก็คือ /wp-admin หรือระบบหลังบ้านของ WordPress เวลาเรา Login หรือเข้าไป Management ต่างๆ ต้องการข้อมูลที่ Real-Time เสมอ
หากเข้าใจด้านบนนี้แล้ว เราก็จะรู้ว่าเราควรจะตั้งค่าให้ Caching ข้อมูลอย่างไรนะครับ วิธีการตั้งค่า ให้เราเข้าไปยังโดเมนนั้นๆของเราใน CloudFlare และไปที่เมนู “Page Rules” สำหรับ Package Free เราจะสามารถสร้าง Page Rules ได้ทั้งหมด 3 Rules ด้วยกัน ส่วนตัวเสียเงินอันนี้ผมไม่รู้ว่าได้เท่าไรนะครับ (ขอข้ามไป)
การเรียบลำดับ Page Rules คือ “อันบนสุด สำคัญสุด และจะไม่ทำอันต่อไป หากเข้าเงื่อนไขอันใดอันหนึ่ง” การตั้งค่า WordPress จึงตั้งค่าได้ตามนี้ครับ
Bypass : ไม่ทำแคช ให้วิ่งเข้าหาเซิฟเวอร์ตรงๆ
Cache Everything : ทำการแคชทุกๆอย่าง
สำหรับบทความนี้ก็คงขอจบเท่านี้นะครับ การนำเอาไปใช้งาน ก็ขึ้นอยู่กับตัวเว็บไซต์ของท่านด้วย ใช้ Script อะไร? และจะนำเอาไปประยุกต์ใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไรครับ 🙂
Blog ส่วนตัว ที่จะแชร์เรื่องร่าวต่างๆที่พบเจอมา จากประสบการณ์จริง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมและผู้ที่กำลังศึกษาหาความรู้เรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Server, Network, Security, ทำเว็บไซต์, เขียนโปรแกรม, ฯลฯ ขอบคุณทุกๆการติดตามครับ 😉
★ บริการ Cloud Server ★